การดูแลสุขภาพจิตใจจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันใหม่ ทำให้ “กลุ่มสีแนวออร์แกนิก” ที่บ่งบอกถึงช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูและสร้างความสมดุลจะเพิ่มความสำคัญมากขึ้น พร้อมกับการกลับมาของกลุ่ม “สีเฉดเข้ม” และมีค่าความอิ่มตัวสูง สอดคล้องกับอารมณ์แห่งความหวัง เกิดเป็นรูปแบบใหม่ในการแสดงออก โดยเฉพาะด้านสื่อดิจิทัลอย่างโลกเสมือนที่มีบทบาทมากขึ้นและขยายมายังโลกจริง เทรนด์สีแห่งปี 2023
ประกอบด้วย 7 สีดังนี้
1. Elfin Yellow: สีเหลืองอ่อน การออกแบบภายใต้แนวคิด Minimalism ยังคงถูกจัดให้เป้นเทรนด์ระยะยาว ควบคู่กับการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ดังนั้นแนวคิดเน้นน้อยๆ ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่เบื่อตามกระแส และต้องการเลือกใช้สินค้าที่ให้ความสบายใจมากกว่าสีสันที่ฉูดฉาด ทำให้หมวดหมู่สีมินิมัลอย่าง Elfin Yellow เป็นเทรนด์ระยะยาว (Long-term Color) ที่ใช้ได้นาน และสีเฉดนี้มักถูกนำไปใช้เป็นสีพื้น เพื่อจับคู่กับสีอื่นมากกว่าสีขาว เนื่องจากให้อารมณ์ความรู้สึกอ่อนโยน อบอุ่น สบายตา ออร์แกนิก และเผยความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมได้ดี
รวมทั้งวัสดุบางประเภทเมื่อนำไปรีไซเคิลจะได้เฉดสีเหลืองอ่อนคล้ายกับเฉดสีเหลือง Elfin Yellow เฉดนี้จึงกลายเป็นสีตัวแทนสำหรับงานออกแบบที่ถูกรีไซเคิลใหม่ และเหมาะแก่การนำไปรีไซเคิลได้หลายครั้ง
Photo Credit: เจาะเทรนด์โลก โดยนิตยสารคิด Creative Thailand
2.Golden Apricot: สีส้มแอปริคอต เฉดสีนี้ สะท้อนอารมณ์ความสุข และเชื่อมโยงการโหยหาอดีต เนื่องจากปี 2023 เป็นปีที่คนรุ่นใหม่จะก้าวข้ามอุปสรรคความคิดสร้างสรรค์จากอดีต โดยเฉพาะนวัตกรรมยุค ‘80s หรือแฟชั่นสไตล์เรโทรที่เข้ามาผสานกับความทันสมัยในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ สำนักเทรนด์แฟชั่น คาดการณ์ว่าช่วงฤดูร้อนปี 2023 จะเต็มไปด้วยแฟชั่น Summer Nostalgia เฉดส้มเอิร์ธโทน, แฟชั่นสไตล์ฮิปปี้ ที่ทำให้เด็กและวัยรุ่นเติบโตด้วยความสนุก อิสระ และมองโลกในแง่บวกมากขึ้น ด้วยลวยลายที่ไม่ประณีตอย่างลายมัดย้อม หรือลายกราฟิก รวมทั้งเฉดสีนี้ยังถูกใช้ในงานออกแบบที่ผสมผสานระหว่างงานคราฟต์ท้องถิ่น ความโรแมนติกยุคเรโทร และการถักทอสไตล์ฮิปปี้
Photo Credit: เจาะเทรนด์โลก โดยนิตยสารคิด Creative Thailand
3. Lime Green: สีเขียวมะนาว ที่ผ่านมาสีเขียวนีออน เป็นเทรนด์เฉดสีเปล่งประกายในวงการนักออกแบบ โดยเฉพาะครีเอเตอร์ดิจิทัลที่สร้างสรรค์ผลงาน ขณะในปี 2023 เพื่อให้สีเขียวนีออนสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น นักออกแบบสื่อดิจิทัลมองหาสีต้นทางก่อนที่จะชุบตัวเป็นสีเรืองแสง จนได้ผลลัพธ์คือ สีเขียวมะนาว (Lime Green) ที่ลดทอนความเจิดจ้าลงมาหน่อย เพื่อทำให้ทุกคนสามารถใช้ได้
สำนักเทรนด์ WSGN กล่าวว่าเฉดสีเขียวมะนาว เป็นสีที่เชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อม และสุนทรียภาพบนโลกดิจิทัลของ Generation Z จึงได้ปรับความสดชื่นที่ดูสนุกด้วยสีเขียวมะนาวให้มีความสดใส ซาบซ่า และสีเขียวแอปเปิ้ลมิ้นท์ ซึ่งเป็นตัวแทนของสีพาสเทล ที่ให้ความอ่อนโยน และเป็นตัวแทนของการมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้สีเขียวมะนาว ยังเคยเป็นสีที่ถูกใช้ในงานศิลปะกราฟิตี้ยุค 90 เป็นสีที่สร้างความสดใส และขบถภายใต้ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในอดีต ที่ทั่วโลกวันนี้กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอีกครั้ง นี่จึงทำให้สีเขียวมะนาว ถูกนำกลับมาใช้ในฐานะสีที่ทำให้ผู้คนเปิดใจ และกระตุ้นให้รู้สึกมีชีวิตชีวา
Photo Credit: เจาะเทรนด์โลก โดยนิตยสารคิด Creative Thailand
4. Deep Lake: สีเขียวอมฟ้า หลายปีที่ผ่านมา สีเขียวถูกใช้เป็นหนึ่งในสีสำหรับขับเคลื่อนความเปลียนแปลงทางสังคม เริ่มจากด้านสิ่งแวดล้อม ขยายมายังสัญลักษณ์แสดงออกถึงสิทธิมนุษยชน สิทธิในการอยู่ร่วมกันระหว่าง Generation รวมถึงการขับเคลื่อนความเท่าเทียมทางเพศ ปี 2023 สีเขียวเฉด Deep Lake หรือสีเขียวอมฟ้า ซึ่งผสานเฉดสีน้ำตาล ตัวแทนของสีเอิร์ธโทนเข้าไป ทำให้สีโทนนี้เข้ากับคนทุกเพศ และใช้งานได้ในทุกกิจกรรม สื่อสารถึงพลัง ความแข็งแกร่ง และการไม่ยอมแพ้ จึงมักถูกนำไปใช้ในการออกแบบเสื้อผ้านักกีฬา
สำนักเทรนด์ WGSN ยกให้สีเขียวเฉดนี้เป็นพลังจากธรรมชาติ และน้ำทะเลที่อยู่ระหว่างสีน้ำเงินกับสีเขียว และยังเป็นเม็ดสีที่เกิดขึ้นจากการกัดกร่อนของโลหะทองแดง จึงตั้งชื่อเฉดสีนี้ว่า Verdigris ซึ่งหมายถึงสนิมสีเขียว ที่สามารถเปล่งประกายแม้จะถูกออกซิเดชันตามกาลเวลาก็ตาม สอดคล้องกับแนวคิดของ Activist ที่ตีความถึงผู้นำเยาวชนที่ไม่ยอมแพ้ เพื่อความก้าวหน้าของสังคม
Photo Credit: เจาะเทรนด์โลก โดยนิตยสารคิด Creative Thailand
5. Scarlet Sage: สีแดงก่ำ เฉด Scarlet Sage พัฒนามาจากกลุ่มสี Artisanal Red ในปี 2022 โดยคาดว่าเฉด Scarlet Sage จะเป็นเฉดสีหลักในฤดูร้อนปี 2023 ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ปรารถนาการกระตุ้นอารมณ์ด้วยสีสัน การเติมพลัง และความหลงใหล
นอกจากนี้กลุ่มสีแดงนี้ ยังเป็นสีที่ถูกใช้เชื่อมโยงกับมรดกทางความคิด และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และยังเป็นตัวกลางที่ใช้ในการสื่อสารทั้งการออกแบบภายนอก-ภายในอาคาร เพื่อสร้างแรงดึงดูด และโครงสร้างเฉพาะตัวไม่ต่างจากงานศิลปะ ซึ่งเฉดสีนี้คาดว่าจะได้รับความนิยมในภูมิภาคละตินอเมริกา
Photo Credit: เจาะเทรนด์โลก โดยนิตยสารคิด Creative Thailand
6. Phlox: สีม่วงเข้ม สีม่วงมีบทบาทสำคัญในเทรนด์อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 – 3 ปีมานี้ สำหรับ สีม่วงเฉด Phlox ถูกนิยามใหม่ด้วยแนวคิดดิจิทัล ข้อมูลจากสำนักเทรนด์ NellyRodi ระบุความเชื่อมโยงของกลุ่มสีม่วง Phlox กับโลก Metaverse หรือโลกเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้นแบบเหนือจริงแบบ 100% ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางใหม่ของการปฏิสัมพันธ์ เครือข่ายทางการค้า และรูปแบบงานช่างฝีมือดิจิทัล ซึ่งปราศจากวัสดุจริง พร้อมแนวคิดในการเป็นเจ้าของ เช่น NFT Collection
Photo Credit: เจาะเทรนด์โลก โดยนิตยสารคิด Creative Thailand
7. Moonless Night: สีดำเทา สีดำจัดอยู่ในกลุ่มสีคลาสสิกที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ และมักเป็นตัวแทนของความลึกลับ ความเย้ายวน ความหรูหรา และให้ความรู้สึกชัดเจน ตรงไปตรงมา
สีดำเฉด Moonless Night ในช่วงปี 2023 สื่อสารถึงพลังและความชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าท่ามกลางปัญหา โดยเฉดสีนี้มักถูกนำไปใช้ในแคมเปญเพื่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น แคมเปญเชิงสังคม แคมเปญด้านสิทธิความเท่าเทียม แคมเปญด้านสิ่งแวดล้อม
หนึ่งในคำอธิบายจาก NellyRodi กล่าวว่า 86% ของผู้บริโภคให้ความเห็นว่าซีอีโอจำเป็นต้องสื่อสารอย่างชัดเจน ระดมกำลัง และดำเนินการในประเด็นพื้นฐานทางสังคม
Photo Credit: เจาะเทรนด์โลก โดยนิตยสารคิด Creative Thailand
ขอบคุณข้อความดีๆจาก : marketingoop