ให้ AI ช่วยสร้างไอเดีย
EP3: ผู้ช่วยสำหรับงานจัดทำแบบก่อสร้างและจัดทำผลงานขั้นสุดท้าย (Construction Drawing & Rendering)
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายในงานออกแบบกันแล้ว นั่นคือการจัดทำแบบก่อสร้างและจัดทำโปรดัคชั่นสุดท้ายเพื่อนำเสนองานลูกค้า สำหรับในขั้นตอนนี้อย่างที่ทราบกันดีคือเรามักจะใช้เวลาค่อนข้างมากในการดำเนินการ ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาโปรแกรม AI หลายตัวที่เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้ระยะเวลาในการทำงานของสถาปนิกและนักออกแบบสั้นลงจากเดิม
กลุ่ม AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนแบบก่อสร้าง
1. Autodesk Revit
คุณสมบัติ: Revit เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในวงการออกแบบสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง ใช้สำหรับการสร้างแบบจำลองข้อมูลอาคาร (BIM) ซึ่งช่วยให้สถาปนิกและวิศวกรสามารถออกแบบ วิเคราะห์ และปรับเปลี่ยนแบบแปลนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโปรแกรมนี้มีฟีเจอร์ AI ที่ช่วยในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลง และปรับปรุงการออกแบบได้ตามความต้องการของโครงการ
ประโยชน์: ลดเวลาการทำงาน เพิ่มความแม่นยำ และรองรับการทำงานร่วมกันในทีมที่มีขนาดใหญ่
2. BIM 360
คุณสมบัติ: BIM 360 เป็นเครื่องมือที่เชื่อมต่อกับ Revit และ AutoCAD โดยตรง ช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างทีมเป็นไปได้อย่างราบรื่น และการจัดทำแบบขั้นสุดท้ายและแบบก่อสร้างสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ AI ใน BIM 360 ช่วยในการตรวจสอบความสอดคล้องของแบบและการจัดการข้อมูลโครงการเหมาะกับการทำงานร่วมกับทีมงานหลายฝ่ายในโครงการขนาดใหญ่
ประโยชน์: สะดวกในการจัดเก็บและการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย รองรับการทำงานร่วมกันในทีมที่มีขนาดใหญ่
3. Archicad
คุณสมบัติ: ArchiCAD เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบและสร้างโมเดลอาคารที่ใช้เทคนิค Building Information Modeling (BIM) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Graphisoft เป็นอีกหนึ่งโปรแกรม BIM ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการสถาปัตยกรรม มี AI ที่ช่วยในการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนของอาคารทั้งการสร้างโมเดล 3D วิเคราะห์การออกแบบ รวมถึงการจัดการเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเพื่อให้สถาปนิกสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีความละเอียดและแม่นยำสูง ประโยชน์: การจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ดี ช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มคุณภาพของงานออกแบบ
กลุ่ม AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรนเดอร์เพื่อใช้ในการนำเสนอผลงาน
นอกจาก Lumion, Enscape, V-Ray เครื่องมือเรนเดอร์ที่เรารู้จักกันดี ปัจจุบันยังมีตัวช่วยเพิ่มขึ้นอีกหลากหลาย อาทิเช่น
1. Twinmotion
ความสามารถ: Twinmotion เป็นโปรแกรมเรนเดอร์แบบเรียลไทม์ที่ใช้งานง่ายและมีความเร็วสูง AI ใน Twinmotion ช่วยในการสร้างฉากที่สมจริงและปรับแต่งวัสดุ แสง และองค์ประกอบอื่นๆ ได้อย่างอัตโนมัติ โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับการสร้างภาพและวิดีโอสำหรับการนำเสนอ
จุดเด่น: อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและมีการเรียนรู้ที่รวดเร็ว รองรับการทำงานร่วมกับ Unreal Engine ทำให้สามารถสร้างฉากที่มีรายละเอียดสูงและสมจริงได้ สามารถสร้างวิดีโอและภาพที่มีคุณภาพสูงได้ในเวลาอันสั้น
2. D5 Render
ความสามารถ: D5 Render เป็นโปรแกรมเรนเดอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง และรองรับการเรนเดอร์แบบเรียลไทม์ AI ใน D5 Render ช่วยในการจัดการแสง สี และวัสดุให้ดูสมจริงมากขึ้น รวมถึงการสร้างเอฟเฟกต์แสงที่ซับซ้อนเช่นแสงสะท้อนและแสงจากแหล่งกำเนิดหลายแหล่ง
จุดเด่น: การเรนเดอร์แบบเรียลไทม์ที่มีคุณภาพสูง อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและการตั้งค่าที่ไม่ซับซ้อน การรองรับการทำงานร่วมกับโปรแกรมออกแบบหลายตัว เช่น SketchUp, 3ds Max, และ Revit
จะเห็นได้ว่าโปรแกรม AI ที่ใช้ในการเขียนแบบก่อสร้างและการนำเสนอผลงานมีอยู่หลากหลาย แต่ละโปรแกรมต่างก็มีจุดเด่นและฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับลักษณะงานต่างๆกันไป การเลือกใช้โปรแกรมที่เหมาะสมจะช่วยให้สถาปนิกสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์และช่วยลดระยะเวลาและข้อผิดพลาดในการก่อสร้างได้