บ้าน ในอนาคตอาจจะต้องเป็นบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยน และยืดหยุ่นต่อการใช้งานที่วิถีชิวิตเรากำลังจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในอนาคต เราจึงพยายามค้นหาระบบของการสร้างบ้านเกิดขึ้นจากกล่องสี่เหลี่ยมง่ายๆที่ขนาดเท่าๆกัน แต่รูปแบบทั้งการใช้งาน ผนัง องค์ประกอบต่างๆสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย ทำให้การสร้างและการต่อเติมเพิ่มพื้นที่และการปรับเปลี่ยนนั้นง่ายเหมือนแค่การต่อจิ๊กซอว์ ส่วนองค์ประกอบอื่นๆทางสถาปัตยกรรมจะถูกออกแบบและปรับให้เหมาะสมตามแต่บริบทที่ตั้ง จากสถาณการณ์ปัจจุบันทำให้เราเรียนรู้ว่า ความสามารถในการปรับตัวนั้นสำคัญแค่ไหนจากบทเรียนในอดีตที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงแต่พฤติกรรมของมนุษย์ที่จะต้องปรับเปลี่ยนแต่รวมถึงที่อยู่อาศัยหรือบ้านของเราด้วยเช่นกัน "บ้าน" ในปัจจุบันจึงควรจะเป็นบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นให้เข้ากับทุกสถาการณ์ที่เราไม่สามารถคาดการได้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต"บ้านยืดหยุ่น" จึงอาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบที่สามารถช่วยค้นหาความหมายของคำว่า “บ้าน” ในยุคสมัยปัจจุบัน

เรือน-กลาง-สวน เป็นงานที่เราอยากทดลองทำบ้านประหยัดพลังงานโดยไม่พึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งอาจใช้งบประมาณสูงทำให้จำกัดการเข้าถึง เราจึงเลือกใช้วิธีการประหยัดพลังงานที่เรียบง่ายและพื้นฐานที่สุด โดยนำเอาความเรียบง่ายภูมิปัญญาท้องถิ่นมาเป็นแกนในการจัดวางผังอาคารและผนวกเทคนิคการก่อสร้างที่มีการคำนวณถึงระยะพิกัดประสานของวัสดุทำให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างรวดเร็วและประหยัดที่สุด ลดมลพิษในการก่อสร้างได้เป็นอย่างดี เรานำเรื่องราวทั้งสองมาร้อยเรียงกันจนเกิดเป็นบ้านประหยัดในแบบที่เราเชื่อมั่นว่าจะมีประโยชน์กับทุกคน เพราะเราคิดว่าการเข้าถึงงานสถาปัตยกรรมที่มีคุณภาพควรเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน

''พี่อยากให้ลูกได้มีพื้นที่วิ่งเล่น เติบโต และเรียนรู้ ถ่ามกลางวิถีเกษตรกรรมและธรรมชาติ'' เป็นประโยคที่ทางเจ้าของบ้านได้พูดกับเราในวันที่เราได้ไปดูไซต์ร่วมกันครั้งแรก. เป็นประโยคเรียบง่ายแต่แฝงด้วยนัยยะที่สำคัญ ที่ชวนให้เรากับทางเจ้าของบ้านกลับมานึกคิด ตั้งคำถาม และร่วมกันตามหาคำตอบถึงรูปแบบชีวิตที่เหมาะสมบนพื้นที่ดินแห่งนี้

บ้านหลังนี้เจ้าของบ้านได้ซื้อไว้ติดกับบ้านของหลานชายเพราะหวังไว้ว่าบั้นปลายชีวิตอยากมาใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับหลานชาย เราจึงเปลี่ยนพื้นที่ระหว่างบ้านทั้ง 2 บ้านจากที่กำลังจะกลายเป็นพื้นที่ไม่ได้ถูกใช้งาน เปลี่ยนให้เป็น ''ใจบ้าน''เชื่อมวิถีชีวิตของทั้ง 2 บ้านเข้าด้วยกัน ผ่านรูปแบบของศาลาเล็กๆที่แทรกตัวอยู่ในสวนที่วางตัวอยู่ระหว่างพื้นที่ข้างบ้านของบ้านทั้ง 2 หลัง

ฟาซาดส่วนใหญ่ถูกออกแบบและให้ความสำคัญอยู่เพียงแค่พื้นที่บริเวณเปลือกอาคาร แต่โปรเจคนี้เราอยากทดลองทำฟาซาดในมุมมองใหม่ที่ไม่ได้โฟกัสแค่บริเวณเปลือกอาคารเท่านั้น แต่ฟาซาดจะก่อร่างขึ้นเป็นทุกส่วนของงานสถาปัตยกรรม ทั้งองค์ประกอบภายนอก ภายใน และธรรมชาติ ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในแง่สุนทรียภาพและความงาม ในแง่ประโยชน์นิยม ในแง่ธุรกิจ และอยู่ร่วมกับบริบทและธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนและยั่งยืน