K To House

บ้าน" “Home sweet home” บ้านที่แสนอบอุ่น เป็นที่อยู่อาศัย พักพิงกายยายามเหนื่อยล้า เปรียบเสมือนศูนย์รวมของครอบครัว บ้านคือคนไม่ใช่สถานที่ คือที่ที่หัวใจอยู่ที่เต็มไปด้วยความสุข เป็นตัวแทนความอบอุ่น ความสบายใจ เป็นที่เดียวที่ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เราก็จะคิดถึงก่อนเสมอ เพราะบ้านที่สวยที่สุด คือบ้านที่เข้าใจชีวิต บ้านที่เติมเต็มความสัมพันธ์ในทุกเรื่องราวของคนในครอบครัว ทำให้ครอบครัวเป็นครอบครัว เป็นบ้านของเราอย่างสมบูรณ์ คุณองุ่น-คุณเบียร์ เจ้าของบ้าน A&B Home. ....................................................................................................................................... งานออกแบบบ้านหลังนี้จะเป็นบ้านสไตล์ #นอร์ดิก (Nordic) ผสมผสานกับสไตล์ #มินิมอล (Minimal) ที่กำลังเป็นเทรนในการออกแบบช่วงนี้ และเป็นความชอบส่วนตัวของเจ้าของบ้าน แต่เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ดินเพียง 34 ตารางวา และความต้องการลูกค้าอยากได้บ้าน 3 ห้องนอนและห้องน้ำ 3 ห้อง จึงออกแบบตัวบ้านให้เป็น 2 ชั้น และหันหน้าบ้านไปทางทิศเหนือ โดยจัดวางบ้านเป็น 2 ส่วนให้มี #คอร์ทยาร์ด (Courtyard) หรือที่ว่างจัดสวนเล็กตรงกลางบ้าน ชั้นล่างจะแบ่งส่วนห้องรับแขกและส่วนครัว สวนชั้นบนจะแบ่งห้องนอนใหญ่(พ่อแม่)และส่วนของห้องนอนลูกๆ2ห้อง ซึ่งการวางคอร์ทยาร์ดจะช่วยเรื่องระบายและกระจายลมไปยังห้องต่างๆลดอุ

Minimal Style หรือ Minimalism (มินิมอลลิสม์) เป็นรูปแบบของงานศิลปะซึ่งเริ่มเป็นกระแสในช่วงปี 1960 โดยศิลปินกลุ่มหนึ่งที่มีความเบื่อหน่ายกระแสงานศิลปะรูปแบบ Abstract Expressionism หรืองานศิลปะที่เน้นสีสัน มีการผสมผสานระหว่างอารมณ์ที่รุนแรง มีลักษณะเฉพาะ เป็นกบฏ และสับสนอลหม่าน เป็นรูปแบบงานศิลปะที่มีอิทธิพลและได้รับความนิยมก่อนหน้านั้น ซึ่งแนวทางของงานศิลปะรูปแบบ Minimalism ก็จะเป็นในทิศทางตรงกันข้าม คือการถ่ายทอดสิ่งที่เรียบง่าย และตรงไปตรงมาผ่านงานศิลปะ ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็น มีความสงบและมักใช้ลักษณะการแสดงออกที่ตรงไปตรงมา เช่น รูปทรงสี่เหลี่ยม วงกลม และหลังจากนั้นอิทธิของ Minimalism ก็เริ่มแพร่ขยายเข้ามาในวงการงานสถาปัตยกรรม ในช่วงยุค 1980 ขึ้นไป โดยแสดงออกผ่านการออกแบบภายในหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีดีไซน์เรียบง่าย ใช้สีน้อยๆ และเน้นความจำเป็น และอีกส่วนหนึ่งเชื่อกันว่าการตกแต่งสไตล์นี้ ได้รับอิทธิพลมาจากแนวปรัชญาของพุทธนิกาย Zen ของเอเซีย หรือการตกแต่งที่มีที่มาที่ไปจากสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตัวอย่างเช่น นักจัดบ้านชาวญี่ปุ่นที่เชื่อว่า เหตุการณ์ซึ่งมีส่วนในการทำให้ผู้คนชาวญี่ปุ่นหันมานิยมใช้การตกแต่งสไตล์นี้ คือเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก จนทำให้ผู้คนหันมาเริ่มตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งน้อยชิ้น และเน้นการฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วยพื้นที่โปร่งโล่ง ไม่มีของตกแต่งมากชิ้นมาบดบังสายตา สร้างนิยามของสีหรือดีไซน์ที่ดูสบายตา ช่วยปลอบประโลมจิตใจให้สงบและอบอุ่น