BKN-Phaholyothin BKK

ปกติในการจ้างงานสถาปนิกให้ออกแบบบ้านหรืออาคารสักหลังนั้น มักจะมีลูกค้าอยู่ 2 แบบ แบบแรกคือ มีตัวอย่าง Reference หน้าตาของบ้านหรืออาคารที่ต้องการมาแล้ว ส่วนอีกแบบหนึ่งก็คือ ยังไม่มีไอเดียมากนักและต้องการให้สถาปนิกนำเสนอ ถึงแม้แบบหลังนี้จะเป็นรูปแบบปกติ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ช่วยลดขั้นตอนการทำงานให้สถาปนิกสักเท่าไร เพราะสถาปนิกก็ต้องสอบถามวัตถุประสงค์ การใช้งาน และความต้องการต่าง ๆ ก่อน เพื่อนำไปหา Reference หรือทำแบบมาให้ลูกค้าเลือกเป็นแนวทางอีกที ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าลูกค้าขอให้บ้านหรืออาคารนั้นมีหน้าตาแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ก็จะทำให้สถาปนิกมีงานเพิ่มขึ้นได้ . มองอีกมุมหนึ่ง การทำงานแบบนี้ก็ยังมีสถาปนิกอีกหลายท่านที่กลับชอบมากกว่า เพราะเหมือนเป็นโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ขึ้นมา หรือก็อาจจะเรียกว่าเป็นการ Challenge ไปด้วยในตัว เพียงแต่สถาปนิกเองก็ยังต้องคำนึงถึงข้อจำกัดจากทางลูกค้าทั้งเรื่องเวลาและงบประมาณ การจะใส่ไอเดียอะไรเข้าไปมากเพื่อให้งานนั้นดูโดดเด่น มีเอกลักษณ์เลยก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก . Solution หนึ่งที่ช่วยประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายจากการก่อสร้างให้แก่ลูกค้าได้ก็คือ การทำหน้าตาของบ้านหรืออาคารให้แปลกใหม่ด้วยวัสดุตกแต่งผนัง ซึ่งในเคสนี้ SCG D’COR รุ่น Modeena ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีมาก เนื่องจากเป็นผนังตกแต่งทดแทนไม้ ที่มีรูปแบบไม่เหมือนใคร ออกแบบให้มีการเซาะร่องลายเส้นตรงยาว เล่นระดับสูงต่ำ จึงสร้างมิติและเส้นสายที่แปลกใหม่ให้กับผนังได้ ซึ่ง Modeena มีลวดลายถึง 7 แบบ สถาปนิกจึงสามารถใส่ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ ครีเอทแพทเทิร์นที่แตกต่างไม่เหมือนใครให้เข้ากับบ้านและอาคารได้ทุกสไตล์ ยิ่งไปกว่านั้น Modeena ยังผลิตจากไฟเบอร์ซีเมนต์และขึ้นรูปมาเป็นแผ่นสำเร็จที่พร้อมติดตั้งได้ด้วยระบบ Clip Lock จึงช่วยประหยัดระยะเวลาในการก่อสร้าง และคุ้มค่ากับการนำมาตกแต่งผนังทั้งภายในและภายนอก เพราะทนได้ทั้งความร้อน แสงแดด น้ำฝน และปราศจากการกัดกินจากปลวกด้วยเช่นกัน . ลงทะเบียนเพื่อรับสินค้าตัวอย่าง คลิก https://bit.ly/3osxYwj ติดตามเราในช่องทางอื่นๆ ได้ที่นี่เลย! Instagram : https://bit.ly/2PAOY4C Pinterest : https://bit.ly/2PGvThe

MahoganyHouse 570 sqm, Bangkok, Thailand Client : Private   Scope : House Design  Progress : During Construction ​ ณ ที่ดินขนาด120ตารางวา ในซอยย่านรามคำแหง กลางที่ดินมีต้นมะฮอกกานีสูงตระหง่านที่คุณพ่อของเจ้าของบ้านปลูกเอาไว้เมื่อ30ปีก่อน " เราจะสร้างบ้านที่มีพื้นที่เป็นสัดเป็นส่วน มีสวนให้เด็กๆได้เล่นกับดินและต้นไม้ มีพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนอยากอยู่ด้วยกัน แต่ก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง รองรับการครอบครัวของเด็กๆในอนาคตไปด้วย และคงต้นมะฮอกกานีนี้ไว้ด้วยได้ยังไง " นี่คือโจทย์ตั้งต้นของบ้านหลังนี้ ​​ ด้วยความผูกพันระหว่างเจ้าของกับต้นไม้ใหญ่นี้ เราจึงเลือกให้ต้นมะฮอกกานีนี้เหมือนเป็นหัวใจของบ้าน เราจึงจัดวางตัวอาคารเป็นทรงตัวยูล้อมต้นมะฮอกกานี และปรับความสูงของแต่ละส่วนอาคาร เพื่อเปิดทิศลมให้กับตัวบ้าน ในขณะเดียวกันเลือกจัดวางพื้นที่ใช้สอยและหน้าต่างตามทิศลมและเวลาของแสงแดด ให้แสงส่องเข้าถึงแต่ละพื้นที่ ในเวลาที่เหมาะสม อาทิ 8โมงเช้า แดดส่องที่ห้องนอน ซึ่งเป็นเวลาตื่นนอนของผู้อยู่อาศัยพอดี ​ การเลือกใช้วัสดุ ภายนอกเน้นเรื่องของผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติและโทนสีเข้ม เพื่อให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับคอร์ทต้นมะฮอกกานีในตัวบ้านและแตกต่างจากบริบทโดยรอบ ในขณะที่พื้นที่ภายในยังเน้นให้รู้สึกเบา และเรียบง่าย ใช้ไม้สีมะฮอกกานีตัดกับสีขาว เทา และแสงเงาที่ส่องผ่านระแนงภายนอกโดยรอบ  สุดท้ายนี้ พื้นที่ทุกส่วนถูกเชื่อมเข้าหากันผ่านต้นมะฮอกกานีต้นเดียวกันนี้ เราจึงเรียกบ้านหลังนี้ว่า บ้านมะฮอกกานี