เนื่องด้วยสภาวการณ์ในปัจจุบันที่มี wfh มากขึ้นทำให้หลายท่านได้มีโอกาสได้อยู่ติดบ้าน พื้นที่ส่วนใดที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็มีโอกาสได้ใช้มากขึ้น ปัญหาต่างๆที่ไม่เคยทราบมาก่อนก็มีโอกาสได้สัมผัสมากขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะปรับปรุงบรรยากาศภายในบ้านให้สดใสน่าอยู่ นอกจากจะช่วยลดสภาวะตึงเครียดในปัจจุบันได้แล้ว ยังช่วยให้สุขภาพกายและสุขภาพใจของเราดีขึ้นได้อีกด้วย
1.เลือกใช้สีให้เหมาะกับบ้านเบิกบานชื่นใจ
สีมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์เป็นอย่างมาก หากพื้นที่ห้องส่วนใดที่รู้สึกอึดอัดคับแคบอาจเลือกใช้เป็นโทนสีอ่อนเพื่อช่วยทำให้บ้านดูกว้างสบายตามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้สียังมีผลต่อการรับรู้ของเราอีกด้วย เราจึงควรเลือกใช้สีโทนเย็นในห้องที่ต้องการพักผ่อน อาทิเช่น สีครีม สีเทาอ่อน ส่วนห้องที่ต้องการความกระปรี้กระเปร่าอาจเลือกใช้เป็นสีโทนร้อนบางส่วนภายในห้อง อาทิเช่น สีเหลือง สีส้ม โดยอาจจะพิจารณาเลือกใช้เป็นผนังฝั่งใดฝั่งหนึ่งของห้องก็ช่วยเพิ่มความน่าสนใจขึ้นได้ สำหรับท่านที่ไม่อยากทาสีใหม่อาจเลือกใช้เป็นวอลเปเปอร์ทดแทนก็ได้เช่นกัน
2.เพิ่มความสดใสด้วยแสงธรรมชาติ
แสงธรรมชาติสามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าของมนุษย์ได้อีกทั้งยังช่วยในการประหยัดการใช้พลังงานอีกด้วย ดังนั้นจึงควรปรับหรือจัดพื้นที่บ้านให้ได้รับแสงธรรมชาติเพิ่มเติม โดยการย้ายสิ่งของที่กีดขวางแสงธรรมชาติออกไป อาทิเช่น เฟอร์นิเจอร์ต่างๆหรือตัดแต่งต้นไม้ภายนอกที่บดบังแสงเข้าสู่อาคาร นอกจากนี้บริเวณใดที่เป็นกระจกเดิมที่เคยปิดม่านไว้ตลอดทั้งวันเพื่อป้องกันความร้อน อาจปรับเปลี่ยนเป็นม่านโปร่งแสงเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณแสงเข้าสู่อาคาร โดยอาจเลือกใช้เป็นวัสดุโปร่งแสง อาทิเช่น กระจก บลอคช่องลม บลอคแก้ว ในบริเวณที่เคยปิดทึบก็ได้เช่นกัน
3.เลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน
เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านที่เลือกใช้ควรมีขนาดเหมาะสมกับผู้ใช้งาน อาทิเช่น หากที่บ้านมีผู้สูงอายุใช้งานเป็นหลักก็ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีเหลี่ยมมุม เก้าอี้มีความสูงไม่น้อยกว่า 45 ซม. ทำความสะอาดง่าย เป็นต้น หรือหากท่านใดที่กำลัง WFH ก็อาจจะจัดสรรพื้นที่มุมหนึ่งของบ้านให้เป็นที่ทำงาน เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความสูงและขนาดเหมาะสมกับการทำงาน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
4.เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้บ้าน
สีเขียวเป็นสีที่มองแล้วสบายตา เจ้าของบ้านท่านใดเป็นสายรักธรรมชาติก็สามารถปรับพื้นที่ภายในบ้านก็ท่านให้น่าอยู่ได้ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ทั้งการปลูกต้นไม้ลงดินหรือการปลูกพืชกระถางก็ได้ทั้งสิ้น แต่สำหรับท่านใดที่มีพื้ที่ภายในบ้านจำกัด การเลือกใช้สวนแนวตั้งก็ตอบโจทย์ได้ มีให้เลือกทั้งต้นไม้จริงต้นไม้เทียม นอกจากจะได้ความเขียวเพิ่มเติมแล้วยังช่วยประหยัดพื้นที่อีกด้วย
5.เปลี่ยนมุมเปล่าเป็นมุมโปรด
พื้นที่ว่างเปล่าในบ้านของเราที่รกร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ สามารถปัดฝุ่นเพื่อคืนความสดใสขึ้นได้ อาทิเช่น การปรับพื้นที่ภายนอกบ้านให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่ทำงานอดิเรกต่างๆ หรืออาจจะเป็นการปรับพื้นที่สวนข้างบ้านให้สามารถสัญจรได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นต้น นอกจากจะเป็นการปรับสภาพพื้นที่ภายในบ้านให้กลับมาใช้งานได้แล้ว อาจจะได้มุมโปรดเพิ่มขึ้นอีกมุมหนึ่งก็ได้
6.ลดฝุ่นภายในบ้าน
ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่างๆที่เรามองไม่เห็นก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกไม่สบายตัว ดังนั้นเพื่อสุขอนามัยเราจึงควรทำความสะอาดพื้นที่ที่เราใช้เป็นประจำ อาทิเช่น บนที่นอน ผ้าม่าน ตลอดจนพรมภายในห้อง นอกจากนี้ควรลดการสะสมของฝุ่นภายในบ้าน ด้วยการลดซอกหลืบ โดยการเลือกใช้วัสดุที่ไม่เก็บฝุ่น เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความโปร่งเพี่อให้สามารถทำความสะอาดและเข้าถึงได้ง่าย หรือใช้ตู้เก็บของที่มีหน้าบานเพื่อช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองอันเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บลงได้
7.ปรับเปลี่ยนรูปโฉมของพื้นที่หรืออาคาร
สำหรับคนขี้เบื่อหรือต้องการปรับปรุงอาคารที่มีความทรุดโทรมมากๆ เราสามารถปรับเปลี่ยนรูปโฉมของอาคารได้ โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายระดับ เริ่มตั้งแต่ปรับเปลี่ยนในระดับเบื้องต้นคือส่วนของพื้นผิวของอาคารที่ไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง ประกอบด้วย สีและวัสดุกรุผิวต่างๆ อาทิเช่น สีทาบ้าน กระเบื้องพื้น กระเบื้องผนัง หรือตกแต่งผนังอาคารเพิ่มเติมส่วนนี้ใช้เวลาไม่นานสามารถและสามารถช่วยเปลี่ยนลุคของอาคารได้