โดยปัญหาที่พบเจอบ่อยในช่วงหน้าฝน นั้นก็คือ ความชื้นที่อาจจะเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ เช่น สีโป่งพอง มีเชื้อรา มีกลิ่นเหม็นอับ สีหลุดผนังลอกหรือมีตะไคร้ขึ้น ซึ่งหากปล่อยไว้อาจลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่
สาเหตุของการเกิดปัญหาความผนังชื้น มีดังนี้
1.ปัญหาผนังที่แตกร้าว ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความไม่ชำนาญของช่างในการฉาบ หรือส่วนผสมที่ไม่ดี การเจาะผนังเพื่อยึดติดวัสดุอื่นๆ เช่น โครงเหล็ก ระแนงหรือการทำกันสาด ซึ่งรอยแตกร้าวเหล่านี้อาจทำให้น้ำฝนไหลเข้ามาด้านในตัวบ้าน โดยน้ำจะเดินทางผ่านรอยร้าว และดูดซับน้ำไว้ ทำให้เกิดความชื้นขึ้นในผนัง
2. หลังคา เพดาน ฝ้า ชำรุด เมื่อปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น น้ำฝนที่ตกลงมาก็จะซึมผ่านโครงสร้างเข้าหาตัวบ้านได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เกิดเป็นความชื้นสะสมบนเพดาน ฝ้า และอาจลามมาถึงผนังได้
วิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาความชื้น
1.เปิดหน้าต่าง-ประตู เพื่อระบายอากาศรับลมแดดเข้าสู่ตัวบ้าน การทำให้อากาศภายในบ้านหมุนเวียนอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดปัญหาบ้านอับชื้น ลดความชื้นที่จะเกิดขึ้นภายในบ้านได้ โดยเริ่มจากการเปิดบ้านให้โปร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เปิดประตู เปิดหน้าต่าง ให้แสงแดดเข้าสู่ตัวบ้าน ให้ลมพัดผ่านไปมา เพื่อช่วยระบายอากาศ และความชื้นที่ค้างอยู่ในตัวบ้านได้
2.เช็คอุปกรณ์ที่รั่วซึมในบ้าน ควรตรวจเช็คตั้งแต่การวางทางเดินท่อน้ำและหมั่นตรวจเช็ครอย เพื่อป้องกันปัญหาน้ำไหลซึมเข้าภายในบ้าน หากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดราขึ้น อาจทำให้ตัวบ้าน และสิ่งของ ทรัพย์สินเสียหายจากความชื้น
3. จัดของให้เป็นระเบียบ เพื่อให้บ้านดูโปร่งและช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกขึ้น ก่อนที่จะสร้างบ้าน เจ้าของบ้านควรสังเกตว่าแสงแดดส่องเข้าทางด้านไหน จะได้หันตัวบ้านรับแสงแดดเพื่อลดการเกิความอับชื้น
4.เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติทนความชื้นหรือใช้วัสดุทำกันซึมที่มีคุณภาพ เช่น แก้ปัญหารอยแตกร้าว ด้วยอะคริลิคกันซึม ถ้ารอยแตกร้าวมีขนาดใหญ่ หรืออยากได้วัสดุที่มีความทนทานมาก อะคริลิคกันซึมสามารถช่วยคุณได้ ด้วยลักษณะของอะคริลิคกันซึมที่เป็นเนื้อครีมข้นลื่น ทาง่าย ยืดหยุ่นสูง ยึดติดดี รวมถึงกันน้ำดีเยี่ยม ทนแดด ทนฝน ทนยูวี ทาสีทับได้ สามารถปาดลงบนพื้นผิวได้ทันที
5.ปรับปรุงแก้ไขผนัง โดยทาสีที่มีคุณสมบัติระบายความชื้นได้ หรือทำผนังฉาบขัดมัน ก็สามารถช่วยระบายความชื้นได้เช่นกัน
ปัญหาผนังชื้นในหน้าฝน อาจดูเป็นปัญหาที่เล็กน้อย แต่ก็ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด แต่หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นจึงควรเช็คสภาพบ้านบ่อย ๆ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อหาจุดเสียหาย จะได้ทำการซ่อมแซมแก้ไขได้ทันก่อนที่ฤดูฝนจะมา